แรงเอื้อมของดาว

ความลับของพลังที่มองไม่เห็น แต่ส่งผลชัดในดวงชะตา

ในโหราศาสตร์ไทย นอกจากการดูตำแหน่งของดาวในแต่ละราศีหรือภพแล้ว ยังมีแนวคิดสำคัญอีกประการหนึ่งที่ช่วยให้การพยากรณ์มีความแม่นยำ และตีความได้ละเอียดมากขึ้น แนวคิดนั้นคือ “แรงเอื้อมของดาว” ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เรียนโหราศาสตร์ทุกคนควรรู้จักและฝึกใช้ให้ชำนาญ


แรงเอื้อมคืออะไร?

แรงเอื้อม หมายถึง พลังหรืออิทธิพลของดาวเคราะห์ที่ส่งออกไปยังจุดอื่น ๆ ที่ห่างจากตำแหน่งที่ดาวสถิตอยู่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเรือนของดาวดวงนั้น แต่เป็น “ตำแหน่งเป้าหมาย” ตามระยะทางราศีที่กำหนดไว้ โดยดาวแต่ละดวงจะมีแรงเอื้อมเฉพาะของตน

แรงเอื้อมไม่ทำงานตลอดเวลาโดยอัตโนมัติ แต่จะเกิดผลต่อเมื่อมีดาวรับอยู่ในตำแหน่งปลายทาง และดาวต้นทางมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่พยากรณ์ เช่น ความรัก การงาน การเงิน เป็นต้น


ตารางแรงเอื้อมพื้นฐานของดาว

ดาวแรงเอื้อมไปยังราศีที่ห่างออกไปทิศทางโคจร
อังคาร (๓)4 และ 8 ราศีทวนเข็มนาฬิกา
พฤหัสบดี (๕)5 และ 9 ราศีทวนเข็มนาฬิกา
เสาร์ (๗)3 และ 10 ราศีทวนเข็มนาฬิกา
ราหู (๘)4 และ 10 ราศีตามเข็มนาฬิกา

โดยจะนับจากราศีที่ดาวสถิตอยู่เป็นราศีที่ 1 แล้วไล่ไปยังราศีเป้าหมาย เช่น ดาวอังคารอยู่ราศีพฤษภ (ราศีที่ 1) แรงเอื้อมจะตกที่ราศีสิงห์ (ราศีที่ 4) และราศีธนู (ราศีที่ 8)


หลักการใช้แรงเอื้อมในการพยากรณ์

  1. แรงเอื้อมจะมีผลก็ต่อเมื่อราศีเป้าหมายมีดาวอยู่
    หากจุดที่แรงเอื้อมตกไม่มีดาวใดอยู่เลย จะถือว่าแรงเอื้อมนั้นไม่มีผู้รับ จึงไม่มีผล
  2. ต้องพิจารณาบริบทของคำถามด้วย
    เช่น หากพยากรณ์เรื่องคู่ครอง การใช้แรงเอื้อมของดาวเจ้าเรือนการเงินอาจไม่เกี่ยวข้อง แต่สามารถแปลความว่ามีผลที่เกี่ยวข้องกันอย่างไร ทั้งนี้หากภพเรือนมีจำนวนมากอาจแปลความหมายยาก และต้องพิจารณาให้ดีก่อนจะแปลความหมายหรือพยากรณ์
  3. แรงเอื้อมมีจุดดีและจุดเสีย
    ขึ้นอยู่กับว่า
    • ตำแหน่งที่แรงเอื้อมตกนั้นคือภพที่ให้คุณหรือให้โทษ เช่น อริ มรณะ วินาศ หรือศุภะ ลาภะ กัมมะ เป็นต้น
    • ความหมายของคู่ดาว ดาวที่เอื้อมถึงกัน ให้ความหมายดีร้ายต่อกันอย่างไร เช่น คู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล คู่ศัตรู ให้วิเคราะห์ตีความตามความหมายคู่ดาว
  4. ราหูมีความพิเศษในการตีความแรงเอื้อม
    ราหูมีแรงเอื้อมไปยังราศีที่ 4 และ 10 นับตามเข็มนาฬิกา
    • มุมที่ 4 เรียกว่า มุมศรี มักให้คุณ
    • มุมที่ 10 เรียกว่า มุมกาลี มักให้โทษ
      แต่ก็ต้องดูบริบทด้วย เพราะถ้าเรื่องที่ถามเป็นเรื่องร้าย แล้วแรงเอื้อมตกในกาลี อาจกลับกลายเป็นผลดี

แรงเอื้อมมาตรฐาน

ในการพยากรณ์ จะต้องพิจารณา “มาตรฐานของดาว” ซึ่งเกิดจากกำลังดาวที่มี สถานะพิเศษ (เช่น อุจจ์, เกษตร, นิจ) ส่งแรงเอื้อมไปยังดาวตามความหมายของมาตรฐานนั้น เช่น มาตรฐานดาวเกษตรแปลว่า ยาวนาน มั่นคง, มาตรฐานดาวอุจจ์แปลว่าให้ผลสูง หรือมาก เป็นต้น


ตัวอย่างการพยากรณ์

หากลัคนาอยู่ราศีสิงห์ และดาวพฤหัสบดี ๕ สถิตอยู่ในราศีเมษ

  • แรงเอื้อมจากดาวพฤหัสบดี 5 ราศีจะตกที่ราศีสิงห์ (ตนุ)
  • แรงเอื้อมจากดาวพฤหัสบดี 9 ราศีจะตกที่ราศีธนู (ปุตตะ)

หากราศีสิงห์มีดาวราหู ๘ กุมลัคนาอยู่ ซึ่งราหูเป็นเจ้าเรือนปัตนิ
พฤหัสบดี ๕ จะส่งแรงเอื้อม 5 ราศี

  • เป็นแรงเอื้อมมาส่งผลด้านความสัมพันธ์กับคู่ หรือหุ้นส่วนในชีวิต และจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นกับตนเองเสมอ (เหตุเกิดในภพตนุ-เรือนตนเอง)
  • แต่ความหมายนั้นไม่สู้ดีนัก ตามความหมายของพฤหัสบดี-ราหู คู่เปลี่ยนแปลง และราหูได้มาตรฐานประ (ปรเกษตร) ให้ความหมายที่ไม่มั่นคง

ส่วนในมุมของแรงเอื้อมของดาวพฤหัสบดี 9 ราศี คือในภพปุตตะ มีดาวศุกร์ ๖ (ซึ่งเป็นดาวเจ้าเรือนสหัชชะและกัมมะ) สถิตอยู่

จะให้ความหมายของคู่ดาวพฤหัสบดี ๕ และดาวศุกร์ ๖ (คู่ทรัพย์คู่โชค) ส่งผลดีโดยตรงต่อภพปุตตะ และภพสหัชชะและกัมมะที่ดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือนด้วย

อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าเมื่อมีภพเรือนมาเกี่ยวข้องจำนวนมาก การแปลแบบตีความเชื่อมโยงทุกภพอาจไม่เหมาะสมหรือทำให้งง ดังนั้นควรตีความในภพที่เกิดเหตุ หรือมีดาวอยู่เท่านั้น (ในตัวอย่างนี้หมายถึงภพตนุและปุตตะ)


ข้อควรระวังในการใช้แรงเอื้อม

  • อย่าใช้แรงเอื้อมพร่ำเพรื่อ ต้องแน่ใจว่าดาวนั้นมีบทบาทในเรื่องที่กำลังพยากรณ์
  • ต้องตรวจสอบว่าราศีที่แรงเอื้อมตกนั้นคือภพใดในดวงชะตา และภพนั้นส่งผลอย่างไร
  • ตรวจสถานะของดาวทั้งต้นทางและปลายทางก่อนพิจารณาแรงเอื้อมเสมอ
  • ในกรณีที่แรงเอื้อมไปตกในภพที่ให้โทษ ต้องใช้วิจารณญาณในการแปลผลและออกคำพยากรณ์

ส่งท้าย

แรงเอื้อมของดาว เป็นศาสตร์ลึกอีกขั้นของโหราศาสตร์ไทยที่ช่วยให้การพยากรณ์มีความแม่นยำ ซับซ้อน และละเอียดขึ้น ผู้พยากรณ์ที่ใช้แรงเอื้อมเป็นจะสามารถให้คำตอบที่อาจมองไม่เห็นในมุมดาวปกติได้ แต่เห็นผลจริง และสร้างความเข้าใจในการพยากรณ์ให้กับเจ้าชะตาได้

การใช้แรงเอื้อมจึงเป็น ศิลปะของการอ่านความสัมพันธ์เชิงชั้นระหว่างดาวในจักรราศี ที่ต้องอาศัยทั้งความรู้ และการตีความในระดับที่เหมาะสม